ทริปนี้พวกเราท่องเที่ยวสะดุดตา จะพาไปเที่ยวเมืองเฟือง สปป.ลาว กันค่ะ นี่คือการไปเมืองเฟืองเป็นครั้งแรกของพวกเรา เมืองเฟืองในภาพจำที่โดดเด่นของเราในทริปนี้ ก็คือความสวยงามของธรรมชาติ โดยเฉพาะแม่น้ำลีกที่ใสจนเห็นก้อนหินใต้น้ำ และภูเขาที่ ที่โดดเด่นทั้ง 3 ได้แก่ ผาตึ้ง ผาเลือง ผาท่อหน่อคำ เวลาที่เราไปตามสถานที่ต่างๆ ในเมืองเฟืองก็มักจะมองเห็นภูเขาเหล่านี้อยู่ในมุมใดมุมหนึ่งเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิวจากแพที่พักของเราในช่วงเช้าไปจนสายๆ ที่หมอกลงเต็มไปหมด ก็ยิ่งทำให้ภูมิประเทศของเมืองเฟืองนี้สวยมากขึ้นไปอีก



ทริปนี้นอกเหนือจากธรรมชาติที่สวยงามแล้วพวกเรายังได้ไปเที่ยวชุมชนบ้านนาใหม่ เรียนรู้วัฒนธรรม วิถีชีวิต การทำเหล้าแกลบร้อยปี ภูมิปัญญาพื้นบ้าน การทอผ้า จักสานเครื่องใช้จากไม้ไผ่ และกินอาหารแซ่บๆ จากครัวชาวบ้านนาใหม่ กันด้วย





และปิดท้ายที่ชุมชนบ้านสามหมื่น ชุมชนที่เป็นจุดเริ่มต้นของเมืองเฟืองแห่งนี้ จากเรื่องเล่าว่า สมัยก่อนมีผู้คนแห่กันมาหาทองคำ ที่ผาท้อหน่อคำมากมาย จนถึงขนาดสร้างกระท่อมฟางถึงสามหมื่นหลัง ซึ่งในภาษาลาวคำว่าเฟือง ก็คือ ฟางข้าว นั้่นเอง ซึ่งที่มาก็มาจากเรื่องเล่าที่ว่านี้แหล่ะค่ะ และในทุกๆ ปีจึงมีงานที่จัดเป็นเทศกาลประจำปีที่ชื่อว่า “สามหมื่นตูบเฟือง Festival” ซึ่งตูบในภาษาลาว ก็แปลว่ากระท่อม นั่นเอง แต่น่าสียดายที่พวกเราไปเมืองเฟือง ก่อนงานจะเริ่ม ไม่กี่วันเท่านั้น จึงไม่มีโอกาสได้ร่วมงานนี้ แต่ก็ได้แวะไปชมสถานที่ที่กำลังจะจัดงานด้วยซึ่งในอนาคตบริเวณนั้นจะเป็นศูนย์วัฒนธรรมเมืองเฟืองต่อไป





ที่บ้านสามหมื่น พวกเราได้เดินเที่ยวไปในชุมชน ชมสิมและธรรมมาสโบราณประจำหมู่บ้าน และชมบ้านโบราณสถาปัตยกรรมแบบเฮือนลาวโบราณ ที่สร้างโดยไม่ใช้ตะปู และล่องเรือชมธรรมชาติสายน้ำลีก หาดสามหมื่น ชมสวนมะนาวพี่มณีจันทร์ และม็อคเทลส่วงวะ(มะนาวโซดา)


ทริปที่เมืองเฟืองนี้ สิ่งที่ไม่ควรพลาดและเป็นจุดหมายของหลายๆ คนก็คือ การได้นอนแพริมน้ำลีก และตื่นขึ้นมาเห็นหมอกที่ปกคลุมผืนน้ำ วิวเบื้องหน้าคือผาเลือง และผาตึ้ง บอกเลยว่านี่คือ MVP ทริปนี้ของพวกเราแล้วค่ะ การได้นั่งฟังเสียงน้ำ ดูสายหมอกที่ไหลไปมาบนภูเขาและผืนน้ำ กับอากาศเย็นสบาย พร้อมกับจิบกาแฟร้อนๆ กินอาหารเช้า มองเรือขายสินค้า คนหาปลา แบบชิลๆ ไม่รีบร้อน บอกเลยว่าฟินสุดๆ




พวกเรานอนที่เมืองเฟืองกัน 2 คืน คืนแรกนอนที่แพเมืองเฟืองริเวอร์ไซด์ 2 ราคาประมาณ 1500 บาท รวมอาหารเช้า ซึ่งเค้าจะเสริฟที่หน้าแพห้องพักของเรา โซนนี้เป็นโซนที่มีแพที่พักไม่ค่อยเยอะมาก วิวคือสวยมากมองเห็นทั้งผาเลืองและผาตึ้ง ในวันที่เราไป ตื่นเช้ามาก็เห็นหมอกเต็มหน้าแพเลยทีเดียว ที่พักคืนแรกนี้ จะสงบกว่าอีกโซนที่เราจะไปพักในอีกคืน คือที่ แพพักมูนริเวอร์ ราคาประมาณ 1200 รวมอาหารเช้าเสริฟหน้าที่พัก



โซนนี้ที่พักค่อนข้างเยอะ แต่ก็คึกคักดี ถ้ามาช่วงที่มีนาข้าว ก็มีโซนทุ่งนาเขียวๆ ให้เดินเล่นด้วย แต่ตอนที่เราไปกัน นาเกี่ยวข้าว หมดแล้วทั้งเมือง จึงไม่ได้เห็นภาพเขียวๆ ของทุ่งนาเลยค่ะ โซนนี้ สมกับเป็นโซนท่องเที่ยว มีทั้งเรือขายอาหาร แพท่องเที่ยว ผ่านไปมาตลอด เสียงเพลงคึกคัก แต่ช่วงดึกๆ ไม่เกินสี่ทุ่ม ก็เงียบแล้ว ใครอยากล่องแพ 2 ชั้น ชมวิวสายน้ำลึกก็สามารถใช้บริการแพท้องถิ่นได้เลย โดยเค้าจะขับวนไปมาหน้าแพที่พัก สามารถเลือกได้ตามชอบใจเลยว่าอยากนั่งแบบไหน ร้องคาราโอเกะ หรือจะนั่งชมวิวชิลๆ ก็ได้ ราคาของแพ ที่พวกเรานั่งประมาณ 450,000 กีบ

และอยากแนะนำที่พักอีกซักที่สำหรับคนที่ต้องการความสงบและเป็นสวนตัว กับแพที่พักบนเกาะกลาง หนึ่งเดียว บนเขื่อนนน้ำลึก ที่ Nam Lik Lake Resort ที่นี่มีห้องพักไม่เยอะมาก ราคาที่พักมาณ 800,000-1,500,000 กีบ ขึ้นอยู่กับขนาดและสิ่งอำนวยความสะดวกในห้อง บางห้องมีครัวด้วย บางห้อง สามารถพักได้หลายคน บนแพมีร้านอาหารบริการ



เมืองเฟืองนี้ อยู่ในแขวงเวียงจันทร์ของ สปป.ลาว สามารถนั่งเครื่องบิน หรือรถไฟมาลงที่เวียงจันทร์และเช่ารถตู้พร้อมคนขับแบบพวกเราก็ได้ อย่างครั้งนี้เราใช้บริการรถตู้พร้อมคนขับ เค้าคิดราคาประมาณ วันละ 4,000 บาท รวมน้ำมันรถ จากเวียงจันทร์ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง เพราะมีทางด่วนและทางค่อนข้างดีกว่าเมื่อก่อนมาก เดียวนี้เริ่มเห็นที่พักใหม่ๆ กำลังสร้างและพัฒนาขึ้นเยอะ เราสามารถไปเที่ยวพักผ่อนริมสายน้ำลีก ที่สวยงาม และก็หากิจกรรมท่องเที่ยวต่างๆ ทำระหว่างวันได้ด้วย ทั้งที่บ้านนาใหม่และบ้านสามหมื่น


ซึ่งทำให้ทริปเมืองเฟือง ครั้งนี้ของพวกเรา พิเศษมากขึ้น ได้รับประสบการณ์มากขึ้น กับการได้สัมผัสผู้คน วัฒนธรรมที่อยู่นอกโซนท่องเที่ยวทั่วไป บอกเลยว่าพวกอาหารที่กินในชุมชนก็แซ่บไม่ลืม รสชาติโฮมมี่มากๆ หรือจะไปชิมตามร้านอาหารในชุมชนก็แซ่บคือกัน ทริปนี้พวกเราปิดท้ายก่อนลาเมืองเฟืองกันที่ร้านไก่อบโอ่งเสี่ยลิ ใกล้ๆ อาหารรสชาติแซ่บทุกจานโดยเฉพาะส้มตำ ไก่อบโอ่ง

ทริปนี้ที่เมืองเฟืองของพวกเราท่องเที่ยวสะดุดตาบอกเลยว่า อยากกลับไปอีกครั้งในฤดูที่มีทุ่งนาสีเขียวๆ ด้วย คงจะสวยไปอีกแบบ…. แล้วเจอกันใหม่เมืองเฟือง